Wander and Mono's Side Story

Passion

 

ขอขอบคุณ คุณ Blue Mouse ผู้ให้คำแนะนำสำหรับการแก้ไขเรื่องตอนนี้ครับ

* เล็กๆ น้อยๆ สำหรับไซด์ตอนนี้

- Rate: M (ผู้ใหญ่เท่านั้น - ผมไม่ซีเรียสว่าอายุที่นับจากวันเกิดต้อง 18 ปีบริบูรณ์ แต่แนะนำว่าควรเป็นผู้อ่านที่มีวุฒิภาวะครับ)

- Erotic

- มีเนื้อหาและถ้อยคำที่อาจรบกวนจิตใจผู้อ่าน

- เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แต่งขึ้น ไม่เกี่ยวข้องกับบุคคล สถานที่ที่มีอยู่จริง  และเหตุการณ์ใดๆ ที่เคยเกิดขึ้นก็ตามทั้งสิ้น *

 

 

     "พี่คนจรคะ...คืนนี้ข้าฝันร้ายเหลือเกิน...

    

     "ช่วยทำให้ข้าลืมฝันร้ายนั่นไปทีนะคะ...ด้วยอ้อมกอดของท่าน...ด้วยตัวของท่าน...

    

     "...ให้ข้านึกถึงแต่ท่าน...และท่านนึกถึงแต่ข้าเท่านั้นในคืนนี้..."

    

     สองแขนของเด็กหนุ่มเลื่อนขึ้นโอบแผ่นหลังของร่างบอบบางแทนคำตอบ ส่วนใบหน้าโน้มลงหาดวงหน้าขาวนวล

    

     ขณะที่ทั้งสองจุมพิตกัน โมโนก็แก้เกลียวเชือกที่ผูกคอเสื้อของคนจร จากนั้นก็ถอนริมฝีปากครู่หนึ่งเพื่อดึงเสื้อออกทางศีรษะ แผ่นอกเปลือยสัมผัสอากาศเย็นยามดึกได้ไม่ทันไร มือคู่เล็กก็เคลื่อนมาลูบไล้ ให้สัมผัสเร่าร้อนที่ไม่เคยรู้สึกมาก่อน

    

     พอเขาเลื่อนสองมือขึ้นหมายจะรั้งไหล่เสื้อของเธอลง เด็กสาวก็กลับคว้าข้อมือของเขาไว้ ค่อยๆ ทิ้งน้ำหนักให้เขาเป็นฝ่ายต้องเอนหลังลงจนกลายเป็นนอนหงายบนผืนผ้า จากนั้นเธอจึงถอนริมฝีปาก สบตากับเขาแล้วยิ้มน้อยๆ

    

     "พี่คนจรคนดี ให้ข้าจัดการเองนะคะวันนี้ ท่านเจ็บแขนอยู่นี่นา"

    

     โมโนยืดตัวขึ้น ถอดชุดกระโปรงที่ค่อนข้างหลวมไปพ้นตัว เผยกรอบร่างบอบบาง ขาวโพลนในความมืดยามราตรี ปกปิดด้วยซับในสีอ่อนกลืนไปกับผิวเนื้อสองชิ้น จากนั้นเธอจึงก้มลง ไล้ลิ้นตามแนวใบหูเขาอย่างหยอกเย้า ไล่ลงมาถึงคอ กัดเบาๆ เหมือนล้อเล่นครั้งหนึ่ง ก่อนที่ริมฝีปากจะเคลื่อนมายังยอดอก

    

     คนจรหลุดเสียงครางออกมาเบาๆ สติที่ยังเหลืออยู่สะกิดว่าโมโนเป็นอะไรไปหนอ ไม่มีครั้งไหนเลยที่โมโนสัมผัสเขาแบบนี้ แต่ความรื่นรมย์ที่เธอมอบให้ก็บดบังเหตุผลทั้งมวลเหมือนสายหมอก

    

     จนสุดท้ายที่เหลืออยู่ก็มีเพียงความต้องการร่างเบื้องหน้าเท่านั้น

    

     "อึดอัดหรือเปล่าคะ" เด็กสาวถามอย่างฉอเลาะขณะมือเคลื่อนลงเบื้องล่าง "ดูสิ ร่างกายเรียกร้องขนาดนี้แล้วนะ"

    

     เด็กหนุ่มรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ไร้คำตอบอย่างสิ้นเชิงสำหรับคำถามที่เขาไม่เคยคิดว่าโมโนจะมีวันเอ่ย

    

     อีกฝ่ายหัวเราะน้อยๆ ก่อนจะเคลื่อนใบหน้าลง ริมฝีปากและปลายลิ้นอุ่นๆ เร่งความร้อนให้กายของเขาเป็นเท่าทวีจนอยากจะปลดปล่อยตนเองเสียแต่ตอนนี้ ทว่าเจ้าของเรียวปากที่หยอกเล่นอยู่ก็ดูเหมือนจะรู้ความรู้สึกของเขาไปเสียหมด และเว้นช่วงให้เขาติดค้างเมื่อใกล้ถึงจุดสูงสุด ทิ้งเขาไว้กับความรู้สึกที่ค่อยๆ แผ่วซาลงก่อนจะกลับกระตุ้นมันขึ้นมาอีก

    

     "...ต้องการข้าไหมคะ" โมโนถามเสียงหวานหลังยั่วเย้าเขาราวสองสามครั้ง

    

     เด็กหนุ่มยังนิ่งอึ้งไม่ทันตั้งตัว ก็พอดีริมฝีปากของอีกฝ่ายกัดเข้าเบาๆ จนสะดุ้งเฮือก

    

     "ถ้าไม่พูด...ข้าก็ไม่ไปต่อนะ"

    

     "ต...ต้องการสิ" คนจรตอบแทบปนหอบ

    

     "ต้องการแค่ไหน"

    

     "...มากที่สุด"

    

     "พูดชัดๆ ได้ไหมคะ ว่า 'ข้าต้องการเจ้าที่สุด'"

    

     "ข้าต้องการเจ้าที่สุด"

    

     "'ต้องการแค่โมโนคนนี้เท่านั้น' ด้วย"

    

     "ต้องการแค่...โมโนคนนี้เท่านั้น"

    

     เด็กสาวคลี่ยิ้มออกมาก่อนจะเอื้อมมือไปปลดอาภรณ์สองชิ้นสุดท้ายออกจากร่าง นั่งหลังตรงให้เขาเงยมองได้ทุกส่วนสัด ไม่ปกปิดขวยเขินเหมือนทุกครั้ง ก่อนที่เธอจะขยับตัวขึ้นเหนือร่างเขา ประกบริมฝีปากขณะที่ร่างของทั้งสองแนบชิดกัน จากนั้นจึงค่อยๆ ลดกายลงเหนือส่วนที่เรียกร้องสัมผัสมากที่สุด

    

     และค่อยๆ ปล่อยให้เขาล่วงล้ำเข้าไปในร่างกายของเธอ

    

     สมองของคนจรว่างเปล่าโดยสิ้นเชิง เพียงครู่เดียวเขาก็กระตุก เกร็งไปทั้งร่าง รู้สึกถึงคลื่นที่ถาโถมปั่นป่วนจากในตัว

    

     "คนใจร้าย ไม่คิดถึงใจข้าบ้างรึไงคะ” เสียงเอ่ยกระเง้ากระงอดตามมาด้วยมือเล็กๆ ที่คืบขึ้นบนแผ่นอก นำดวงหน้าฉายแววตัดพ้อมาโน้มเหนือใบหน้าของเขา ก่อนริมฝีปากบางจะแปรเป็นรอยยิ้มแฝงนัย "แบบนี้ต้องทำโทษล่ะ"

    

     เด็กหนุ่มเริ่มงุนงง แต่ไม่ทันจะถาม โมโนก็ก้มหน้าลง เขาสะดุ้งเฮือก หลุดเสียงร้องออกมาเมื่อเธอฝังเขี้ยวที่ไหล่ของเขา แรงพอจะเรียกเลือดให้ไหลซึม

    

     จากนั้นเด็กสาวตวัดลิ้นเลียรอบแผล ให้รู้สึกแสบ แต่ก็ยังใจเต้นอย่างบอกไม่ถูก จากนั้นเธอจึงเงยหน้าขึ้น ยันกายบนศอกทั้งสองเหนือร่างของคนจร

    

     "ว่ายังไง เด็กไม่ดี สำนึกหรือยังคะ"

    

     พอคนจรได้แต่มองหน้าเธอนิ่งอยู่ โมโนก็ก้มลงขบเบาๆ ที่ใบหู

    

     "ว่าไง...บอกข้าสิคะว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีก"

    

     "ข...ข้าขอโทษ จะไม่ทำอย่างนั้นอีกแล้ว"

    

     เมื่อนั้นเองโมโนจึงได้ยืดกายขึ้นนั่งหลังตรง สะบัดผมดำที่ตกลงปรกไหล่ทั้งสองไปด้านหลัง เน้นเนื้อนวลขาวโพลนราวกับจะเรืองแสงในความมืดยามราตรี

    

     ดูเหมือนจะแทบไม่มีครั้งไหนที่เด็กสาวยอมให้เขาเห็นเรือนร่างของเธอชัดเจนเต็มตา กระทั่งเด็กหนุ่มยังสังเกตได้ว่าเธอเขินอายทุกครั้งที่เขาทำท่าเหมือนจะใช้สายตาสำรวจผิวกายที่ปกติมีเสื้อผ้าปกปิดไว้

    

     แต่ไม่ใช่ครั้งนี้ โมโนไม่ได้เบือนหนีแต่อย่างใดเมื่อสายตาของเขาหยุดนิ่งที่ทรวงอก ก่อนจะเคลื่อนต่อไปยังเอวอ่อนบางกับหน้าท้องแบนราบ รับกับไหล่ลาดละมุนและแขนขาเรียว ดูน่ารักราวกับนางไม้น่าทะนุถนอม

 

 ภายในแสงสลัวของราตรีนี้ ร่างตรงหน้ายิ่งดูงามยวนใจ จนเขานึกอยากครอบครองเป็นเจ้าของแต่ผู้เดียว

 

 ใช่แล้ว...โมโนเป็นของเขา เป็นผู้หญิงของเขาคนเดียวเท่านั้น...

    

     เพียงแค่มอง เด็กหนุ่มก็รู้สึกถึงความปรารถนาที่ก่อตัวขึ้นอีกครั้ง อีกฝ่ายเองก็เห็นจะรู้ เพราะเธอคลี่ยิ้มซุกซนส่งมาให้

    

     "ข้าจะให้โอกาสท่านแก้ตัว ดีไหมคะ"

    

     คนจรไม่รู้จะทำอะไรนอกจากพยักหน้า เด็กสาวเลยจับมือขวา ดึงแขนข้างที่ไม่บาดเจ็บให้เขาลุกขึ้นนั่งก่อนจะเอ่ยต่อ

    

     "แต่ครั้งนี้...ท่านต้องทำตามที่ข้าต้องการนะ" พอคนจรเลิกคิ้ว เธอก็เร่งเร้ามาอีกพร้อมกับลูบแก้มของเขาเบาๆ "รับปากสิคะ"

    

     "...ได้" เด็กหนุ่มตอบรับ อีกฝ่ายจึงเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ ริมฝีปากเคลื่อนมากระซิบข้างหู

    

     “ใช้กำลังกับข้า”

    

     คนจรสะดุ้งเฮือก ถอยออกห่างโดยไม่ทันรู้ตัว ทว่าอีกฝ่ายยังคงยิ้มน้อยๆ เหมือนเพิ่งขอร้องเรื่องธรรมดาสามัญที่สุด

    

     "โมโน นี่เจ้าเป็นอะไรไป"

    

     คนถูกถามหัวเราะน้อยๆ รับ

    

     "ข้าพูดจริงนะคะ"

    

     "แต่เรื่องแบบนั้น..."

    

     "ทำอะไรจืดชืดเหมือนเดิมทุกครั้ง ท่านไม่เบื่อบ้างเหรอคะ" เด็กสาวย้อนถามพร้อมกับเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ กระทั่งปลายจมูกแทบแตะกัน "ท่านอยากทำอะไรกับข้า...ก็ให้ทำเลย แต่ข้าจะสู้ ไม่ให้ท่านได้ตัวข้าไปง่ายๆ ตกลงตามนี้แหละ"

    

     เธอพูดพลางใช้ปลายนิ้วไต่ลงไปตามผิวเนื้อของเขาจากหน้าท้องลงไป

    

     "ท่านไม่ต้องการข้าหรือคะ...พี่คนจร ไม่อยากไถ่โทษเหรอคะ ข้าอุตส่าห์ให้โอกาสแล้วนะ"

    

     พอเด็กหนุ่มอ้ำอึ้งอยู่ โมโนเลยค้อนขวับ หันหน้าหนีไปอีกทางก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบเสื้อชั้นในของตน

    

     "นึกอยู่แล้วว่าท่านไม่กล้า งั้นก็พอแค่นี้แล้วกัน"

    

     "เดี๋ยวสิ" คนจรเผลอตัวเรียกพร้อมกับเอื้อมมือไปคว้าไหล่อีกฝ่าย แล้วก็ต้องตกใจ คลายมือออกเมื่อโมโนสะบัดมือตีแขนของเขาดังเพียะ

    

     เด็กสาวสบตากับเขา ริมฝีปากเผยอน้อยๆ อย่างท้าทาย เด็กหนุ่มเลยคว้าหมับที่ไหล่บอบบางทั้งสองแรงกว่าเมื่อก่อนหน้า พยายามกดให้เอนลงใต้ร่างของตน แต่อีกฝ่ายก็ยังดิ้นรนจนต้องโถมตัวเข้าหาเต็มแรง

 

เขากลั้นความเจ็บเมื่อโดนแมวดื้อข่วนขวับ ค่อยๆ จับข้อมือบอบบางข้างหนึ่งไว้ก่อนจะใช้มืออีกข้างปลดผ้าคาดผมของตน รวบข้อมืออีกข้างไว้แล้วใช้ผ้าพันรอบข้อมือทั้งสอง มัดไว้เหนือศีรษะ

    

     "ขี้โกงนี่คะ!" โมโนร้อง ทว่าดวงตาเป็นประกายระยับ เขาเลยโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะเหยียดยิ้มตอบบ้าง

    

     "ก็เจ้าบอกว่าข้าอยากทำอะไรก็ทำเลยไม่ใช่เหรอ"

    

     เด็กสาวไม่ตอบ แต่ยังพยายามขยับแขน ใช้มือที่ถูกมัดไว้ตีหน้าเขา ยังผลให้อารมณ์ของเด็กหนุ่มพลุ่งขึ้นมาจริงๆ เอื้อมมือไปคว้าไม้หลาวที่วางพิงไว้ข้างต้นไม้ แล้วโน้มตัวลงปักไม้นั้นบนพื้นดินนอกผ้ารองนอน

    

     จากนั้นก็คลายผ้าคาดผมที่มัดข้อมือทั้งสองอยู่ ไปพันรอบไม้ก่อนจะกลับมามัดข้อมือแต่ละข้างอย่างแน่นหนา จนพอดึงร่างของเด็กสาวให้นอนเหยียดตรง แขนทั้งสองก็จะตึงจนไม่สามารถขยับได้

    

     "หมดฤทธิ์รึยัง"

    

     เธอไม่ตอบ ทว่าสองขาที่เป็นอิสระยังพยายามเตะถีบ จนคนจรต้องใช้สองมือจับข้อเท้าไว้ ปากเผลอบ่นออกมา

    

     "มัดขาด้วยเลยดีไหม"

    

     "ถ้าทำได้ก็ทำสิคะ" อีกฝ่ายท้าทาย

    

     คนจรโคลงศีรษะ ถึงโมโนจะอยากเล่นอะไรแผลงๆ ไปจากเดิม ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาอยากจะล้ำเส้นถึงขนาดพันธนาการเธอเป็นนักโทษเต็มรูปแบบแล้วข่มเหงเธอจริงๆ

    

     เด็กหนุ่มเลยคลายมือจากขา โน้มใบหน้าลงเหนือดวงหน้านวลแทนแล้วพูดยิ้มๆ อย่างรู้ทัน

    

     "ข้ามีวิธีทำให้เจ้ายอมดีกว่านั้นอีก"

    

     "อะไรเหรอค--" เสียงของโมโนขาดหายไปเมื่อเขาบดริมฝีปากกับริมฝีปากของเธอ รวดเร็วและรุนแรง ลิ้มรสจุมพิตอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อน

    

     เด็กสาวตอบสนองอย่างเร่าร้อนอย่างที่ไม่เคยเป็น กระทั่งเขายังแทบลืมจุดประสงค์เดิม ต้องบังคับตนเองให้ถอนริมฝีปากอย่างยากเย็นก่อนจะเคลื่อนไปที่ส่วนอื่น

    

     โมโนเป็นฝ่ายครางออกมาบ้าง เขารู้สึกเหมือนไม่เคยมีครั้งไหนที่เธอผ่อนคลายเต็มที่ ปล่อยตัวตามสัมผัสของเขาถึงขนาดนี้ ถึงตอนที่เด็กหนุ่มเคลื่อนใบหน้าลง ร่างของเด็กสาวบิดเร่า เสียงครวญดังขึ้นกว่าทีแรก

    

     พอคนจรเงยหน้าขึ้น อีกฝ่ายก็หอบหายใจถี่ๆ ทอดร่างนิ่งเหมือนหมดเรี่ยวแรง มีเพียงทรวงอกที่สะท้อนขึ้นลงหนักหน่วง เขาเลยได้ทีเคลื่อนกายมาสบตากับเธอ ลองจูบยั่วเบาๆ แล้วเริ่มเอ่ย

    

     "ว่ายังไง ต้องการข้าไหม"

    

     เด็กสาวหัวเราะน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่หายหอบ ก่อนจะเหยียดยิ้ม

    

     "ร้ายนักนะคะ"

    

     "ถ้าไม่พูด...ข้าก็ไม่ไปต่อ"

    

     "ต้องการสิคะ พี่คนจร" โมโนตอบเสียงหวาน "ต้องการที่สุด โมโนคนนี้ต้องการแต่ท่านเท่านั้น"

    

     เด็กหนุ่มเลยเลื่อนมือไปแตะที่ต้นขาทั้งสอง เตรียมมุ่งหน้าต่อไป

    

     "ไม่ต้องกลัวข้าจะแตกหรอก ไม่ใช่แก้วสักหน่อย" พออีกฝ่ายเร่งเร้า คนจรถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง จนเด็กสาวเอ่ยต่อ "ไม่ต้องคิดถึงความรู้สึกของข้า ทำยังไงก็ได้ที่ท่านจะมีความสุขที่สุด"

    

     "เจ้าไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนน่ะ" เด็กหนุ่มอดถามไม่ได้ เลยถูกขมวดคิ้วใส่

    

     "เวลาแบบนี้มีไว้คิดที่ไหนล่ะคะ" โมโนรีบพูด ก่อนจะทอดเสียงแฝงอารมณ์ "อย่าสงสัยอะไรเลย ก็ตอนนี้ข้าต้องการท่าน...อยากกลืนกินท่านเข้าไปทั้งตัว...กลืนกิน...ให้ลึกที่สุด...ก็เท่านั้นเอง..."

    

     คำพูดของเด็กสาวขาดหายไปเมื่อเขาตัดสินใจทำตามที่เธอบอก ทว่าไม่ได้หมายความว่าเสียงของเธอเงียบลงไปด้วย

    

     เสียงครวญครางยังดังต่อไปเรื่อยๆ ดังขึ้นจนเหมือนกลับกลายเป็นเสียงเดียวภายในโลกแห่งรัตติกาลนั้น โลกของเขาก็เหมือนมีเพียงความรื่นรมย์จากร่างขาวโพลนที่ทอดอยู่ข้างใต้ ผิวกายร้อนผะผ่าวรับสัมผัสของเขา บีบรัดเขาให้ยิ่งดิ่งลึกเข้าไปในกายของเธอ...ครั้งแล้ว...ครั้งเล่า

    

     เสียงครางกลับอู้อี้เมื่อโมโนกัดไหล่ของเขาแทบจมเขี้ยว ให้รู้สึกเจ็บ...แต่ก็รุ่มร้อนแผ่ซ่านอย่างบอกไม่ถูก เมื่อนั้นเองที่ความรู้สึกของเขาถึงขีดสุดและถาโถมรุนแรงกว่าทุกครั้ง

    

     เด็กสาวเองก็เกร็งไปทั้งร่าง ปากคลายจากไหล่เพื่อหวีดร้อง เสียงของเธอประหนึ่งจะกระชากผ่านยามราตรี ฉีกบรรยากาศมืดมัวประหลาดที่ครอบคลุมทั้งสองออกไป

    

     ...เสี้ยวจันทร์ค่อยๆ เล็ดลอดพ้นเงาคราส...

    

     เด็กหนุ่มก้มลงสบตากับดวงตาดำขลับที่จ้องมองเขา นึกประหลาดใจว่าเหตุใดดวงตาคู่นั้นจึงได้เบิกกว้างตะลึงงัน ริมฝีปากบางสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้ออกมา

    

     เขาเลยถอนกายจากเธอ แก้มัดที่ข้อมือให้ พอหันกลับมามองหน้าอีกทีก็พบว่าดวงหน้านั้นกลับคลี่ยิ้ม นัยน์ตาฉายแววพึงใจ กระนั้นเขายังอดถามอย่างเป็นห่วงไม่ได้

    

     "เมื่อกี้เจ็บเหรอ"

    

     "แค่เหนื่อยนิดหน่อยเท่านั้นล่ะค่ะ" อีกฝ่ายยักไหล่ขณะที่เขาควานหาผ้ามารองศีรษะต่างหมอน "ท่านล่ะคะ"

    

     "ก็เหนื่อยอยู่"

    

     "แล้วมีความสุขไหม"

    

     เด็กหนุ่มใช้แรงที่เหลือเอนกายลงพร้อมกับดึงตัวโมโนเข้ามานอนข้างๆ ดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างทั้งสอง แล้วยกแขนขึ้นกอดร่างบอบบางไว้เหมือนทุกครั้ง

    

     "...ถามได้"

    

     "มีความสุข...มากกว่าครั้งไหนๆ หรือเปล่าคะ" เด็กสาวยังฉอเลาะ "มากกว่าทุกครั้ง...มากจนต้องการแต่ข้าคนเดียวเท่านั้น"

    

     "จะเมื่อไร...ข้าก็ต้องการแต่เจ้าคนเดียวนั่นแหละ โมโน" คนจรตอบ จูบเบาๆ ที่หน้าผากกลมมนก่อนจะรีบตัดบท "นอนเสีย พรุ่งนี้เรายังต้องรีบไปนะ"

    

     เขารีบหลับตาลงหลังพูดจบ หรือจะพูดให้ถูกคือบังคับหนังตาให้ลืมต่อไปไม่ไหว และบังคับสติให้ตื่นต่อไปไม่ไหวอีกเช่นกัน

    

     เด็กหนุ่มผล็อยหลับไป โดยไม่ได้เห็นสีหน้าของเด็กสาวที่ยิ้มหยันแวบหนึ่งก่อนจะกลับสลดลง ดวงตาเบิกกว้างปล่อยน้ำตาให้หยาดลงเงียบๆ ขณะที่เธอมองดวงหน้าหลับสนิทของเขา

    

     แล้วเธอจึงค่อยๆ ยกแขนที่พาดร่างของตนออกไป พลิกกายเป็นหันหลังให้กับเขา ขดตัวกลมเป็นเด็กทารกพร้อมกับสะอื้นเบาๆ เมื่อนึกถึงสัมผัสที่หลงเหลือในร่าง ความรู้สึกถึงเครื่องพันธนาการที่รัดข้อมือทั้งสองจนชา ตรึงให้ขยับเขยื้อนไม่ได้ กับภาพใบหน้าที่เธอเห็นเมื่อครู่ นัยน์ตาของใบหน้านั้นกระหายสัมผัสและการตอบสนองราคะ ร้อนแรงแต่ไม่ได้แฝงความอบอุ่นและความรักเหมือนทุกครั้งที่เขาโอบกอดเธอ

    

     โมโนรู้ว่านั่นคือพี่คนจร รู้ว่าเขาไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้กับเธอ แต่ตกอยู่ใต้อำนาจของอีกคนหนึ่งโดยไม่รู้ตัวต่างหาก

    

     ทว่าความมืดแวบหนึ่งยังทำให้เธออดนึกไม่ได้ว่าเงาร่างดำทะมึนที่โน้มอยู่เหนือเธอนั้นคือตัวแทนของยาฮีม...ยาฮีมที่ข่มเหงเธอสำเร็จและทำลายเธอจนย่อยยับตามคำตะคอกน่าสะพรึงกลัว

    

     ...พี่คนจร...ทำไม...ทำไมท่านถึงทำกับข้าอย่างนี้...

    

     มีเสียงลมพัดแสกสากผ่านใบไม้ แต่ไม่ใช่คำตอบต่อคำถามของเธอ แสงจันทร์เพ็ญสาดส่องจากหลังม่านเมฆตามปกติหลังคราสจากไป ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งคราสมิอาจถูกลบล้างได้อีก

    


 

 Note: เป็นตอนที่ยากสำหรับการคิดโน้ตจริงๆ แฮะ

 

 ผมไม่เคยเขียนเรื่องที่ติดเรทถึงขนาดนี้ และที่เขียนขึ้นมานั้น ทีแรกก็ไม่ได้คิดจะเผยแพร่ แต่เพราะผมเกิดคิดเนื้อเรื่องที่ตามมาจากนี้ ซึ่งเป็นความรู้สึกตกค้างของโมโนจากเหตุการณ์ในคืนแห่งคราสที่ไม่มีในเรื่องหลัก จนเกิดปัญหากับคนจรขึ้นมา จึงได้คิดว่าจะลดทอนความแรงของเรื่องลง เพื่อที่จะนำมาใช้ปูเรื่องตอนที่ตามมาได้ และก็ได้ความช่วยเหลืออย่างใหญ่หลวงจากคุณ Blue Mouse ที่ช่วยพิจารณาตัดและแก้คำ จนออกมาเป็นเวอร์ชั่นนี้ครับ ขอขอบคุณอีกครั้ง ณ ที่นี้ครับ m[_ _]m

 

 นอกจากนี้ ยังมีฉากแซวเบื้องหลังการถ่ายทำพลาด อภินันทนาการจากคุณ Blue Mouse เช่นกันขอรับ J

...

"ว่ายังไง ต้องการข้าไหม"

เด็กสาวหัวเราะน้อยๆ ทั้งๆ ที่ยังไม่หายหอบ ก่อนจะเหยียดยิ้ม

"ร้ายนักนะคะ"

"ถ้าไม่พูด...ข้าก็ไม่ไปต่อ"

"ต้องการสิคะ พี่คนจร" โมโนตอบเสียงหวาน "ต้องการที่สุด โมโนคนนี้ต้องการแต่ท่านเท่านั้น"

เด็กหนุ่มเลยเลื่อนมือไปแตะที่ต้นขาทั้งสอง เตรียมมุ่งหน้าต่อไป

แต่แล้วเสียงพ่นพรืดหนักๆ กับลมอุ่นๆ ก็รดใส่หัว คนจรนึกประหลาดใจจึงเงยหน้ามอง พบกับเงาทะมึนสูงใหญ่ยืนค้ำอยู่

“อะโกร!!”

เด็กหนุ่มแผดเสียง เจ้าม้าตัวดีนี่เอาอีกแล้ว ขัดจังหวะตอนกำลังเข้าด้ายเข้าเข็มยันเต

“ช่วยไปที่อื่นก่อนนะ อะโกร ขอร้องล่ะ” คนจรปัดมือไล่เพื่อนยากสี่ขาผู้ไม่รู้กาลเทศะ คำขอร้องท้ายประโยคเค้นผ่านไรฟัน

เจ้าม้ายังยืนเป็นผู้ชมที่ดีไม่พูดไม่จามองมาตาแป๋ว

‘โมโน’ เห็นเด็กหนุ่มทำหน้าเซ็งส่ออาการหมดอารมณ์ก็นึกร้อนใจ

...ไม่ได้ ขืนให้เรื่องแพร่งพรายออกไปว่าแผนการจุติร่างของอมตเทพพังครืนด้วยฝีมือม้าบ้าตัวเดียว ไอ้พวกสุริยเทพมันจะได้ล้อเอาเท่านั้นเอง ขายหน้าตายชัก...

“อะโกรจ๊ะ” เด็กสาวกล่าวเสียงหยาดเยิ้ม “ข้ากับพี่คนจรมีธุระต้องคุยกันเป็นการส่วนตัว ไปเดินเล่นทางโน้นก่อนนะ”

คราวนี้เจ้าม้ายกขาหน้าแล้วห้อตะบึงจากไปทันที...

ทีโมโนสั่งล่ะทำเร็วรวดเลยนะ คนจรค่อนแคะในใจ เดี๋ยวนี้เจ้าตัวแสบนี่เริ่มไม่เห็นหัวเขาในสายตาแล้ว

“พี่คนจรคะ”

สาวน้อยเรียกอีกครั้งอย่างเย้ายวน

"ไม่ต้องกลัวข้าจะแตกหรอก ไม่ใช่แก้วสักหน่อย" พออีกฝ่ายเร่งเร้า คนจรถึงกับอึ้งไปครู่หนึ่ง จนเด็กสาวเอ่ยต่อ "ไม่ต้องคิดถึงความรู้สึกของข้า ทำยังไงก็ได้ที่ท่านจะมีความสุขที่สุด"

"เจ้าไปเอาความคิดแบบนี้มาจากไหนน่ะ" เด็กหนุ่มอดถามไม่ได้ เลยถูกขมวดคิ้วใส่

"เวลาแบบนี้มีไว้คิดที่ไหนล่ะคะ" โมโนรีบพูด ก่อนจะทอดเสียงแฝงอารมณ์ "อย่าสงสัยอะไรเลย ก็ตอนนี้ข้าต้องการท่าน...อยากกลืนกินท่านเข้าไปทั้งตัว...กลืนกิน...ให้ลึกที่สุด...ก็เท่านั้นเอง..."

คำพูดของเด็กสาวขาดหายไปเมื่อเขาตัดสินใจทำตามที่เธอบอก ทว่าไม่ได้หมายความว่าเสียงของเธอเงียบลงไปด้วย

        เด็กสาวเกร็งไปทั้งร่าง ปากคลายจากไหล่เพื่อหวีดร้อง เสียงของเธอประหนึ่งจะกระชากผ่านยามราตรี ฉีกบรรยากาศมืดมัวประหลาดที่ครอบคลุมทั้งสองออกไป

เปรี้ยง!!

คนจรตีลังกากลางอากาศกลิ้งหลุนๆไปชนกับต้นไม้โครมใหญ่ เสียงดังฟังดูน่าจะเจ็บ แต่อันที่จริงเด็กหนุ่มไม่ได้เจ็บอะไรเท่าไรนัก...เนื่องจากสลบเหมือดไปก่อนหน้านั้นแล้ว

ฮี้ ฮี้หะหะฮี้ๆ~

(ได้ยินเสียงร้องเลยรีบกลับมา ไม่ต้องห่วงนายหญิง โกรอยู่ตรงนี้ทั้งตัว)

เด็กสาวกุมขมับ

...ช่วยไม่ได้ วันนี้คงต้องระงับแผนการไว้ก่อน ตอนนี้ฝ่ายชายสิ้นสภาพไปเรียบร้อย ตัวเธอเองก็ไม่มีกะใจจะดำเนินแผนต่อแล้วด้วย...

...

โมโนรู้ว่าอะโกรไม่ได้ตั้งใจจะทำแบบนี้กับเจ้านาย แต่ตกอยู่ใต้อำนาจของความหน้ามืดตามัวผสมตาถั่วจากความเข้าใจผิดอย่างร้ายกาจโดยไม่รู้ตัวต่างหาก

        ทว่าความมืดแวบหนึ่งยังทำให้เธออดนึกไม่ได้ว่ารอยยุบดำทะมึนที่ประทับอยู่กลางดั้งพี่คนจรนั้นคือรอยกีบเท้าของอะโกร...อะโกรที่ขัดขวางแผนการของตัวเธออีกคนได้สำเร็จและทำลายโฉมหน้าของพี่คนจรจนย่อยยับตามด้วยเสียงร้องฮี้น่าสะพรึงกลัว

...อะโกร...ทำไม...ทำไมเจ้าถึงทำกับพี่คนจรอย่างนี้...

มีเสียงลมพัดแสกสากผ่านใบไม้ แต่ไม่ใช่คำตอบต่อคำถามของเธอ แสงจันทร์เพ็ญสาดส่องจากหลังม่านเมฆตามปกติหลังคราสจากไป ทว่าสิ่งที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งคราสมิอาจถูกลบล้างได้อีก

...

ส่วนผมก็เกิดคึก (???) ตามขึ้นมาบ้าง เลยประเดิมแถมฉากหลุดกันให้อีกฉากจากการถ่ายทำหลังจากนั้น แต่ขอเตือนไว้ก่อนว่า Spoiler มุมกล้องและเทคนิคพิเศษในการถ่ายทำตอนนี้ (เนื่องจากมันค่อนข้างยาว เลยทำแยกไว้อีกหน้าขอรับ)

แล้วอ่านตอนต่อจากนี้ได้ใน Jealousy นะครับ